Sunday, 19 May 2024
เอ้ สุชัชวีร์

 “ราเมศ”แจงปชป.เลือก “ดร.เอ้”ลงผู้ว่าฯกทม.เหมาะสมที่สุด ชี้ทุกฝ่ายควรคิดเพื่อบ้านเมือง หมดเวลาสร้างวาทะโจมตีกันแล้ว เชื่อคนกรุงอยากเห็นการต่อสู้ด้วยนโยบาย 

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง กรณีที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ออกมากล่าวถึงการเปิดตัวนายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ หรือดร.เอ้ ว่าที่ผู้สมัครลงรับเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. พรรคประชาธิปัตย์ ว่านโยบายดีแต่อยู่ผิดพรรค ว่า พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคการเมืองเดียวที่ได้รับความไว้วางใจให้ผู้สมัครในนามพรรคทำหน้าที่ในตำแหน่งผู้ว่าฯกทม.ยาวนานที่สุด ระยะเวลาและผลงานคือคำตอบที่ดีที่สุด ทุกครั้งพรรคจะเตรียมความพร้อมในทุกเรื่องอย่างเต็มที่ เริ่มต้นที่นโยบายที่คิดและทำเพื่อพี่น้องชาวกรุงเทพฯ การคัดเลือกผู้สมัครที่มีความรู้ความสามารถและเข้าใจปัญหาของประชาชนอย่างลึกซึ้งแท้จริง คือสาระสำคัญที่สุด ดังนั้นการเมืองยุคนี้ควรหยุดวาทะที่นำไปสู่ความขัดแย้ง ทางที่ดีที่สุดคือ ผู้ที่ตั้งใจเข้ามาทำหน้าแทนประชาชนกรุงเทพฯ ควรแสดงให้เห็นถึงสาระของนโยบายว่าจะทำสิ่งใดให้เกิดประโยชน์ให้มากที่สุด เพื่อให้ประชาชนได้ตัดสินใจ

นายราเมศกล่าวต่อว่า การที่พรรคได้เลือก นายสุชัชวีร์ เป็นว่าที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ถือว่าเป็นบุคคลที่เหมาะสมที่สุดในสถานการณ์ขณะนี้ เป็นคนรุ่นใหม่ มีความรู้ ความสามารถ เชื่อว่าปัจจุบันนี้ด้วยวิวัฒนาการทั้งในทางสังคม เศรษฐกิจและเทคโนโลยี การได้บุคคลที่มีความรู้ความสามารถ มีประสบการณ์ มีความตั้งใจที่จะพัฒนาให้กรุงเทพฯมีความเจริญรุ่งเรืองในทุกด้าน ย่อมเกิดประโยชน์ต่อพี่น้องชาวกรุงเทพฯอย่างแน่นอน และพรรคประชาธิปัตย์ก็คือคำตอบที่ทำให้ นายสุชัชวีร์ เลือกลงในนามพรรค และพี่น้องชาวกทม.จะเป็นผู้ตัดสินใจ เมื่อได้รับทราบถึงแนวคิด นโยบาย ความรู้ความสามารถและสามารถมองเห็นความหวังได้ในวันข้างหน้าประชาชนจะเป็นคนตอบผ่านกระบวนการเลือกตั้ง

“เอ้ สุชัชวีร์” ประเดิมลงพื้นที่เขตบางรัก แหล่งพหุวัฒนธรรม ขอฟื้นคุณภาพโรงเรียนในสังกัด กทม. คืนพื้นที่สาธารณะคนกรุงเทพ ยีนยันความตั้งใจเป็นผู้ว่าการศึกษา

“เอ้”  สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ ลงพื้นที่ครั้งแรกที่เขตบางรัก ร่วมกับนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ น.ส.อรอนงค์ กาญจนชูศักดิ์ อดีต ส.ส. กทม. และผู้สมัคร ส.ก. สุวิทย์ เลิศธนากุลวัฒน์ โดยได้เดินทางไปที่มัสยิดฮารูณ ซึ่งเป็นมัสยิดเก่าแก่อายุกว่า 150 ปี ศูนย์รวมจิตใจของชาวมุสลิมย่านบางรัก ถนนเจริญกรุง ภายในมัสยิดมีความสงบและสวยงาม ตกแต่งภายในอย่างสมมาตร สะท้อนปรัชญาศาสนาอิสลามอย่างชัดเจน เป็นสถานที่ในการเรียนรู้การอยู่ร่วมกันโดยเฉพาะวัฒนธรรมที่มีความแตกต่าง พร้อมกับชื่นชมชุมชนมัสยิดฮารูณมีความสะอาดมาก และมีร้านอาหารอร่อยทุกร้าน 

หลังจากนั้นเดินทางไปสักการะประธานในอุโบสถ ณ วัดม่วงแค เจริญกรุง 34 พร้อมกับระบุว่า พื้นที่เขตบางรักมีลักษณะเป็นพหุวัฒนธรรม และมีโรงเรียนวัดม่วงแค ที่ในอดีตมีนักเรียนเข้าเรียนจำนวนมาก มีอาคารเรียนขนาดใหญ่รองรับนักเรียนตั้งแต่อนุบาล ถึงชั้น ป.6 ได้ราว 1,000 คน มีจุดเด่นอาหารกลางวันเป็นอาหารฮาลาล รองรับนักเรียนที่นับถือศาสนามอิสลามด้วย แต่ปัจจุบันพื้นที่ซึ่งเคยใช้เป็นที่เคารพธงชาติได้กลายเป็นที่จอดรถ เนื่องจากมีจำนวนนักเรียนลดลงเหลือเพียง 54 คน 

“เอ้” สุชัชวีร์ ระบุว่า โรงเรียนนี้เป็นตัวอย่างโรงเรียนสังกัด กทม. 430 โรง ที่อยู่ในพื้นที่กลางเมือง แต่คน กทม. ส่งลูกไปเรียนที่อื่น ด้วยเหตุนี้ตนจึงมีความตั้งใจในการเป็นผู้ว่าการศึกษา เพื่อฟื้นโรงเรียนในสังกัด กทม. ให้มีคุณภาพสู้กับสิงคโปร์ได้ พร้อมกับตั้งใจจะทำโรงเรียนวัดม่วงแค เป็นโรงเรียนตัวอย่างในพื้นที่เขตบางรัก พร้อมกับได้เข้าผู้อำนวยการโรงเรียนเพื่อรับฟังปัญหาต่างๆ เพิ่มเติมอีกด้วย 

“ปชป.” ปลื้ม “เอ้” สุชัชวีร์ กระแสดี ฟิตปั๋ง ตั้งใจทำงานเพื่อชาว กทม. พร้อมลุยลงพื้นที่ต่อเนื่อง 

นางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย เลขาคณะกรรมการยุทธศาสตร์ กทม. และรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกระแสคนกรุงเทพฯ ที่มีต่อ “เอ้” สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ว่า จากการลงพื้นที่ครั้งแรกวานนี้ที่เขตบางรัก “เอ้” สุชัชวีร์ ได้รับการต้อนรับจากพี่น้องประชาชนเป็นจำนวนมาก และจดจำ “เอ้” สุชัชวีร์ ได้ทันทีที่พบเห็น 

จากผลโพลหลายสำนัก ที่ได้ทำการสำรวจความคิดเห็นของคนกรุงเทพฯ ที่มีสิทธิ์เลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.  ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่า “เอ้” สุชัชวีร์ มีคะแนนความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วหลังจากเปิดตัวเป็นผู้สมัครสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ไปได้เพียงสัปดาห์เดียว ดังนั้นจึงเชื่อว่า กว่าจะถึงการประกาศ พ.ร.บ.กฤษฎีกาเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. “เอ้” สุชัชวีร์ จะได้เร่งลงพื้นที่พร้อมนำเสนอแนวความคิดเพื่อแก้ปัญหาให้คนกรุงเทพฯ โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะทำให้พี่น้องประชาชนที่ยังไม่ได้ตัดสินใจ จะเปิดโอกาสและให้การตอบรับ “เอ้” สุชัชวีร์ มากขึ้น

โดยในวันพรุ่งนี้ (22 ธ.ค.) “เอ้” สุชัชวีร์ จะได้ลงพื้นที่ร่วมกับ ผู้สมัคร ส.ก. เขตดินแดง นายสิทธิวัฒน์ ชีรวินิจ เพื่อทำกิจกรรมกับผู้สูงอายุ พร้อมมอบเตียง วีลแชร์ให้ผู้ป่วย และยังร่วมกิจกรรมที่สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดงอีกด้วย 

 

“เอ้ สุชัชวีร์” ระดมสมองร่วมชาวบ้านบางขุนเทียน แก้ปัญหาน้ำทะเลกัดเซาะ  เชื่อ! กรุงเทพฯ แก้ได้ ด้วยหลักวิศวกรรม 

“เอ้ สุชัชวีร์” สุวรรณสวัสดิ์ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. พร้อมด้วย พร้อมด้วย นายสารัช ม่วงศิริ ผู้สมัคร ส.ก. เขตบางขุนเทียน และนายสากล ม่วงศิริ อดีต ส.ส. 4 สมัย พรรคประชาธิปัตย์ ร่วมกันลงพื้นที่บริเวณชายทะเลบางขุนเทียน เพื่อรับฟังปัญหาของเขตบางขุนเทียน ซึ่งกำลังประสบปัญหาอย่างหนักจากน้ำทะเลหนุนสูง และในอนาคตเมื่อปัญหาโลกร้อนหนักขึ้น ก็จะยิ่งทำให้น้ำทะเลสูงขึ้น ปัจจุบันเขตบางขุนเทียนสูญเสียที่ดินจากการถูกน้ำทะเลกัดเซาะลึกเข้ามากว่า 2 กม. สร้างความเสียหายให้บ้านเรือนและที่ดินทำกินของพี่น้องประชาชน 

“เอ้ สุชัชวีร์” พบว่าปัจจุบันเขื่อนป้องกันน้ำทะเลหนุนของ กทม. มีลักษณะเป็นไม้ไผ่ซึ่งไม่ใช่วัสดุทำเขื่อนป้องกันทะเลได้ เพราะไม่มีความแข็งแรง เมื่อติดตั้งเพียง 1-2 ปี เจอแดดและความชื้นไม่นานก็เสื่อมสภาพ กลายเป็นขยะไหลเข้าไปในวังเลี้ยงกุ้ง เลี้ยงหอยของชาวบ้าน 

ส่วนการไฟฟ้านครหลวงบริจาคเสาไฟฟ้าที่ไม่ใช้แล้ว มาปักเป็นแนวเขื่อนป้องกันทะเล แม้มีคุณภาพดีกว่าต้นไผ่ แต่ก็ยังไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาได้ เพราะเสาไฟฟ้าจะเอียงตามสภาพของแรงคลื่นที่กระทบตลอดเวลา ถือเป็นการช่วยเหลือเพียงชั่วคราว รวมทั้งการปลูกป่าโกงกางเพื่อป้องกันการกัดเซาะของน้ำทะเลก็ไม่สำเร็จ เนื่องจากน้ำทะเลซัดจนต้นโกงกางไม่สามารถหยั่งรากได้

ในต่างประเทศที่ประสบปัญหาน้ำทะเลหนุน อย่างญี่ปุ่น มาเลเซีย หรือยุโรป จะนิยมใช้วิธีถมด้วยหินเทียม จากการหล่อคอนกรีต มีลักษณะสามขา โดยไม่ใช้หินจริงที่ต้องระเบิดจากภูเขา ก่อให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อม ซึ่งการถมด้วยหินเทียมมีข้อดีคือมีน้ำหนักมาก นอกจากนั้นจะมีช่องให้สัตว์น้ำสามารถเข้าไปวางไข่ได้ ไม่กระทบกับการทำประมงชายฝั่ง อีกทั้งปัจจุบันมีเทคโนโลยีในการหล่อคอนกรีตที่บริษัทของไทยสามารถทำได้

ไอเดียล้ำ “พี่เอ้” เสนอติดตั้ง “เสาไฟ 4 มิติทั่วกรุง” 2,000 แห่ง รองรับ Smart City สร้างความสุข ความปลอดภัย เผยใช้เทคโนโลยีช่วยดูแลคนกรุงเทพฯทุกมิติ

เมื่อวันที่ 9 ดม.ย. นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. หมายเลข 4 พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า จากแนวคิดป้ายหาเสียง 3 มิติ วันนี้มาแนวล้ำยุค เสนอติดตั้ง “เสาไฟ 4 มิติทั่วกทม.” และชุมชน กทม 2,000 แห่ง ดูแลคนกรุงเทพ ครบทุกมิติ หลังจากได้ลงพื้นที่เขตบางรัก เปลี่ยนชุมชนพิพัฒน์ 2 ให้มีแสงสว่าง ปลอดภัยด้วยเทคโนโลยี พร้อมดันเป็นชุมชนโมเดลต้นแบบเปลี่ยนกรุงเทพรองรับ Smart City สร้างความสุข ความปลอดภัยให้คกรุงเทพฯ เพราะความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนคนกรุงเทพฯเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด หากได้รับเลือกเป็นผู้ว่าฯ กทม. จะดูแลคนกรุงเทพฯให้ครบทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็น 1.มิติของแสงสว่าง 2.มิติของความปลอดภัย ระบบกล้องอัจฉริยะใช้ตรวจจับความผิดปกติ ระบบ AI วัดและประมวลผลเพื่อแก้ปัญหาการจราจร  3.มิติของสิ่งแวดล้อม มีเซนเชอร์วัดฝุ่น PM2.5 และสภาพมลพิษทางอากาศ รวมทั้งใช้ระบบโซลาร์เซลล์ และ 4.มิติของการให้บริการอินเตอร์เน็ต 

นายสุชัชวีร์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ในอนาคตยังมีระบบเตรียมพร้อมไว้ใช้งานเพิ่มอีก เช่น เซนเซอร์วัดระดับน้ำท่วม ฟังก์ชันตรวจสอบความหนาแน่นของจราจร รวมถึงสามารถติดตั้งปุ่มแจ้งเหตุฉุกเฉินที่เสากรณีเกิดอุบัติเหตุ อาชญากรรมหรือความต้องการการช่วยเหลือที่เร่งด่วน เป็นต้น และวันนี้เราสามารถเปลี่ยนชุมชนพิพัฒน์ 2 ให้มีแสงสว่าง เปลี่ยนชุมชนให้มีความปลอดภัยได้แล้ว ตนพูดคุยกับชาวบ้านในชุมชนรับรู้ได้ถึงความสุขของเขา และมั่นใจว่าคุณภาพชีวิตของพวกเขาจะดีขึ้นอย่างแน่นอน และในอนาคตทุกชุมชนจะต้องมีลักษณะแบบนี้ เป็น Smart Community เพื่อรองรับ Smart City
   

"พี่เอ้" ชู นโยบายขายได้ขายดี ส่งเสริมตลาดนัดดึงดูดนักท่องเที่ยว หนุนค้าขายออนไลน์ บริการอินเทอร์เน็ตฟรี 150,000 จุด หวังสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียน

เมื่อวันที่ 12 เม.ย. นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. หมายเลข 4 พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนเสนอนโยบาย “ขายได้ขายดี” เพราะหลังจากได้ลงพื้นที่มาแล้วทั้ง 50 เขต หลากหลายชุมชนพบว่า อาชีพของคนในชุมชนคือการค้าขาย รวมทั้งวิถีชีวิตของคนในชุมชนผูกพันกับตลาดมาโดยตลอด และเสน่ห์ตลาดของกรุงเทพฯ ไม่ว่าจะเป็นตลาดราชวัตร ตลาดเทเวศน์ ตลาดบางลำภู ตลาดโกสุม ตลาดโอโซน ก็ล้วนมีเอกลักษณ์ไม่แพ้ใคร 

นายสุชัชวีร์ กล่าวต่อว่า ดังนั้น ตนจึงต้องการสนับสนุนอย่างเต็มที่ เพราะเมื่อเกิดการจับจ่ายใช้สอยในพื้นที่ ย่อมนำมาสู่เศรษฐกิจหมุนเวียนในชุมชน ทำให้คนตัวเล็กมีรายได้อย่างแท้จริง ด้วยการออกนโยบาย “ขายได้ขายดี” คือ 1.ส่งเสริมตลาดนัด เพิ่มพื้นที่ทำมาค้าขาย และเพิ่มตลาดถาวร ให้ประชาชนมีพื้นที่ทำกิน 2.ดึงเอกลักษณ์ของตลาดที่มีอยู่ นำมาเป็นจุดขายเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว และสร้างแลนมาร์กตลาดใหม่ เพิ่มพื้นที่ เพิ่มโอกาสในการค้าขาย


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top